ประวัติ ของ จวง จิ้งเอ๋อร์

ในปีพ.ศ. 2523 เธอเป็นนักแสดงหญิงคลื่นลูกใหม่ของวงการ และได้แจ้งเกิดกับผลงานภาพยนตร์แนวสยองขวัญเกรดบี เรื่อง "กัดขย้ำ...ไม่เหลือซาก"(The Beasts 1980) กับฉากเปียกน้ำที่เห็นสัดส่วนของเธอในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงที่เข้าฉาย กับความใจกล้าของเธอ และทำให้เธอกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก บวกกับมีใบหน้าที่ไปคล้าย ดาราสาวชื่อดัง กวนจือหลิน ทำให้เธอได้รับการขนานนามว่า กวนจือหลินสอง

ต่อมาเธอได้หันไปแสดงละครทีวี โดยเริ่มผลงานละครกับสถานีโทรทัศน์อาร์ทีวี ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และมีผลงานละครที่เด่น ๆ ได้แก่ "วิทยาเขตแห่งรัก" ปีถัดมาเธอก็ย้ายไปเป็นนักแสดงให้กับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ซึ่งทางค่าย ทีวีบี ก็สนับสนุนและปลุกปั้นเธอเป็นอย่างมากโดยการให้เธอร่วมแสดงละครกับเหล่านักแสดงชายชื่อดังใน ทีม 5 พยัคฆ์ทีวีบี อยู่บ่อย ๆ และมีผลงานเด่น ๆ มากมายหลายเรื่อง เช่น เทพบุตรสลัม ประกบกับ หวงเย่อหัว, คำสาปเทวรูป ประกบกับ หลิวเต๋อหัว, ฤทธิ์ดาบหยดน้ำตา ประกบกับ เหมียวเฉียวเหว่ย, จอมยุทธพเนจร ประกบกับ โจวเหวินฟะ เป็นต้น แต่ทว่า...เธอกลับไม่ดังเปรี้ยงปร้าง อย่างที่คิด และดูเหมือนว่าตัวเธอจะไปได้ดีกับละครแนวสากลย้อนยุค มากกว่าแนวอื่น จนกระทั่งหมดสัญญากับทางค่ายทีวีบีในปีพ.ศ. 2529 เธอก็ออกจากวงการละครไปแต่ยังรับงานแสดงภาพยนตร์ อยู่บ้าง และช่วง 2-3 ปีหลังชื่อเสียงของเธอก็ดรอปลง

แต่แล้วต่อมาในปีพ.ศ. 2532 เธอก็กลับเข้าสู่วงการละครอีกครั้งโดยไปเป็นนักแสดงให้กับทางช่อง เอทีวี และกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งกับผลงานละครเรื่อง วิหคในกรง จากนั้นก็มีผลงานเด่น ๆ ตามมาอีกหลายเรื่อง จนหมดยุค 90s

ในปีพ.ศ. 2540 หลังจากจบการถ่ายทำละครเรื่อง "A long time" พร้อม ๆ กับที่เธอหมดสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางค่ายเอทีวี (ATV) พอดี เธอจึงตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อไปดูแลสามีและลูก พร้อมทั้งย้ายครอบครัวไปอาศัยที่แวนคูเวอร์ ในประเทศแคนาดา

ต่อมาเมื่อปีพ.ศ. 2547 เธอได้กลับไปที่ฮ่องกง อีกครั้งเพื่อทำธุรกิจ โดยการเปิดบริษัท ให้บริการเกี่ยวกับรถ หรือ ศูนย์บริการคาร์เซอร์วิส